“หอยหวาน” เลี้ยงง่าย ลงทุนต่ำ ส่งออกต่างประเทศราคาสูง กก.ละ 800 บาท

แน่นอนว่าหอยนั้นอาจจะเป็นอาหารของโปรดสำหรับใครหลายคนเลยก็ได้ซึ่งเป็นเมนูที่อร่อยเลิศรสแล้วยิ่งเอามากินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดบอกเลยว่าอร่อยมาก หรือจะเอามาลวกหรือมาทำต้มยำหรือมาผัดก็ล้วนแล้วอร่อยทั้งนั้นซึ่งแน่นอนว่าหอยส่วนใหญ่ก็น่าจะรู้จักนั่นก็คือหอยแครงหอยนางรมหอยแมงภู่การใช่ไหมล่ะคะ

และแน่นอนว่าการเลี้ยงหอยนั้นก็ถือเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่สามารถสร้างรายได้ให้กับชาวเกษตรกรเป็นอย่างมากซึ่งหอยนั้นถือเป็นอาหารที่มีราคาแพงโดยเฉพาะหอยหวานซึ่งกินแล้วมีรสชาติอร่อยแล้วก็หากินยากและมีราคาสูงอีกด้วยอีกทางทางตลาดนั้นต้องการสูงเป็นอย่างมากซึ่งแน่นอนว่าก็มีผู้คนนั้นได้หันมาเลี้ยงและเปิดฟาร์มหอยหวานกันมากขึ้นซึ่งวันนี้เราจะพาไปดูกันค่ะว่าจะเป็นอย่างไรกันบ้าง

โดยวันนี้ทางทีมงานพาไปที่ซันเซ็ทฟาร์มหอยหวานที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรีซึ่งตอนนี้อยู่ห่างจากพัทยาเพียงแค่ 10 กิโลเมตรเท่านั้นโดยที่นี่เขาจะเปิดทำการตั้งแต่เวลา 11 โมงถึง 4 ทุ่มในทุกๆวันโดยที่นี่จะมีการสาธิตการเรียกหอยหวานและนำพื้นที่ส่วนหนึ่งมาเปิดร้านอาหารทำเมนูหอยสารพัดเมนูให้คนที่เข้ามาแวะเวียนได้ลองชิมกันซึ่งบอกเลยว่าที่นี่ถือเป็นฟาร์มหอยหวานที่ได้มาตรฐานแห่งเดียวของประเทศไทยในราคาอีกทางได้ยังนำเทคโนโลยีคิวอาร์โค้ดมาใช้อีกด้วย ซึ่งบอกเลยว่านอกจากจะได้มาตรฐานและยังมีความทันสมัยอีกด้วย

โดยสารแห่งนี้มีเจ้าของที่มีชื่อว่าคุณภานุรักษ์ ตรียางกูรศรี ในอดีตนั้นคุณภาณุรักนั้นไม่เป็นประกอบอาชีพทำอสังหาริมทรัพย์จากนั้นก็ได้หามาเปิดซันเซ็ทฟาร์มหอยหวานโดยเริ่มจากการหาเช่าที่ที่ดิน 1 ไร่ซึ่งก็ได้พื้นที่ที่อยู่ใกล้กับหาดจอมเทียนในจังหวัดชลบุรีโดยในช่วงแรกนั้นด้วยความที่ขาดประสบการณ์ทำให้ต้องพบกับปัญหาและอุปสรรคมากมายซึ่งเขาก็ได้เรียนรู้และแก้ไขโดยการไปตระเวนหาการเรียนรู้ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับการทำฟาร์มหอยหวานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซึ่งไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งกรมประมงสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลและจุฬาฯและตามมหาวิทยาลัยอื่นๆอีกมากมายที่เขาพอจะหาข้อมูลได้

ซึ่งเขาก็ได้หาข้อมูลและนำเทคนิคการเพาะเลี้ยงหอยหวาน ฟาร์มของตนเองจนคราวนั้นสามารถประสบความสำเร็จซึ่งในปัจจุบันความของเค้า Sunset ฟาร์มหอยหวานก็กลายเป็นฟาร์มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเป็นความแห่งเดียวที่ดำเนินกิจการแบบครบวงจรอีกด้วยตั้งแต่การหาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์กระตุ้นไข่อนุบาลและเลี้ยงตัวอ่อนและยังเปิดร้านอาหารเพื่อแปรรูปมูลค่าหอยหวานของตัวเองนั้นเอาไปจำหน่ายได้หลากหลายมากขึ้น

นอกจากนี้ในปัจจุบันหอยหวานนั้นมีความต้องการมากขึ้นจากการบริโภคของผู้บริโภคซึ่งหาไปจับตามตามชายทะเลแล้วนั้นก็จะทำให้ธรรมชาตินั้นเสียสมดุลและทำให้หอยหวานที่อยู่ตามทะเลนั้นมีจำนวนลดลงเพราะว่าไม่สามารถเติบโตได้ทันความต้องการของมนุษย์ซึ่งในปี 1 ชาวประมงนั้นสามารถจับหอยหวานออกขายได้เพียงแค่ละ 2 ครั้งต่อปี

โดยหอยหวานถือเป็นอาหารที่ใครหลายคนนั้นนิยมและชอบรับประทานกันเป็นอย่างมากเพราะว่าเนื้อรสชาติของมันนั้นมีรสชาติหวานอร่อยอีกทั้งขาดเอานำมาปรุงเป็นอาหารแล้วก็ยังมีรสชาติที่น่ารับประทานอีกด้วยแต่การเลี้ยงหอยหวานนั้นไม่ควรทำให้หอยตายเพราะว่าเนื้อนั้นมันจะเน่าในระยะเวลา 1-2 ชั่วโมงโดยทางฟาร์มก็จะได้เน้นขายหอยหวานที่เป็นแฟนแล้วก็ถือได้ว่าเป็นเกรด A ซึ่งจะขายในกิโลกรัมละ 800 บาทถึงว่าจะมีราคาแพงแต่ก็กลายเป็นสินค้าที่ขายดีได้เพราะว่าผู้บริโภคนั้นทั้งในและต่างประเทศก็ต้องการมากขึ้นทุกวันซึ่งในตลาดการขายหอยหวานนั้นมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นในทุกปีโดยเฉลี่ยเป็นปีละ 40 เปอร์เซ็นต์ชนะหอยหวานจึงเป็นสัตว์น้ำที่สามารถนำมาสร้างเศรษฐกิจให้กับประเทศไทยได้ซึ่งในปัจจุบันก็เริ่มมีผู้สนใจหันมาลงทุนทำฟาร์มกันมากขึ้นแต่การจัดให้ประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะต้องมีการเรียนรู้แลกเงินในการลงทุนอย่างมากมายเลยทีเดียว

ซึ่งการเลี้ยงหอยหวานนั้นจะต้องมีสภาพอากาศที่โปร่งและถ่ายเทสะดวกและยังต้องมีระบบเปิดบนบกในบ่อซีเมนต์ขนาดใหญ่ซึ่งในบ่อซีเมนต์ของซันเซ็ทฟาร์มนั้นจะมีความกว้างประมาณ 1 เมตรคูณ 5 เมตรและสูงประมาณ 6 เมตรจากนั้นเขาก็ติดตาข่ายรอบๆเพื่อป้องกันไม่ให้ข่อยนั้นเป็นออกนอกบ่ได้และก็ยังมีการรองก้นบ่อด้วยทรายและนำนำทะเลมาใช้ในการเลี้ยงหอยในบ่ออีกด้วยซึ่งควรจะมีความเค็มอยู่ในระดับที่ 28 ถึง 35 ppt แล้วก็ต้องมีการเพิ่มออกซิเจนอยู่ตลอดเวลาโดยที่ซันเซ็ทฟาร์มแห่งนี้ได้มีการแบ่งเลี้ยงตามช่วงอายุของไทยตั้งแต่หอยตัวเล็กเท่าเม็ดทรายจนถึงหอยตัวโตที่สามารถนำไปจำหน่ายได้โดยในระยะเวลาในการเลี้ยงนั้นต้องใช้ระยะเวลานานถึง 15 เดือนกว่าเขาจะโต

โดยธรรมชาติของหอยแล้วหอยหวานนั้นเป็นประเภทหอยที่อยู่อาศัยตามเป็นกลุ่มกลุ่มใหญ่ๆแล้วฝังตัวหลบอยู่ใต้พื้นทรายเพื่อความปลอดภัยของตัวเองและกินเหยื่อประเภทปูปลากุ้ง เดินทางฟาร์มฉันจะให้อาหารหอยหวานเฉลี่ยบ่ละ 1 กิโลกรัมเท่านั้นต่อวันและเลี้ยงด้วยพวงสาหร่ายองุ่นเพื่อสามารถบำบัดน้ำเสียในบ่อของหอยหวานได้โดยในการผสมพันธุ์นั้นหอยหวานสามารถวางw-jได้ครั้งหนึ่งประมาณ 50,000 ตัว เว็บบอร์ดสำหรับขยายเลี้ยงพ่อพันธุ์แม่พันธุ์นั้นจะต้องปกคลุมด้วยทรายหยาบหนาประมาณ 5 เซนติเมตรแล้วมีน้ำทะเลไหลผ่านอยู่ตลอดเวลาโดยระดับน้ำความลึกของบ่อนั้นจึงต้องอยู่ที่ประมาณ 30 ถึง 50 cm ในการเลี้ยงซึ่งเมื่อลูกหายตัวได้ประมาณ 14 วันก็จะเริ่มเปลี่ยนอาหารเป็นการกินแบบแพงใช้แพลงต้อนจากนั้นก็ต้องเลี้ยงอีก 2 เดือนถึงจะได้หอยขนาด 1 cm แล้วก็ต้องขุดหอยไม่ต่ำกว่า 12 เดือถึงจะเริ่มจับออกขายได้

ซึ่งแน่นอนว่าถ้าหากใครสนใจอยากจะหันมาเลี้ยงหอยหวานสิ่งที่ต้องมีในก็คือต้องมีที่ดินติดชายทะเลประมาณ 1-2 ไร่เพราะในการเลี้ยงหอยหวานนั้นจะต้องนำนำทะเลนะมาในการเลี้ยงและก็ต้องมีเงินมากพอสมควรในการลงทุนโดยแค่บอกว่าลงทุนไปบ่ละประมาณ 30,000 บาทโดยปัญหาที่ฟาร์มเคยพบนะนั่นก็คือการผลิตหอยไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดเพราะเนื่องจากน้ำทะเลที่นำมาใช้นั้นค่อนข้างมีปัญหาและเจอฝนตกทำให้ระดับน้ำทะเลนั้นมีความเค็มลดลงและไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงหอยหวาน และนอกจากนี้ยังจะมีปัญหาในเรื่องของคนดูแลบ่เลี้ยงไม่สะอาดเพียงพอทำให้เกิดโรคกับหอยหวานอีกครั้งทั้งฟังก็ต้องคิดค้นสูตรในการบำบัดน้ำซึ่งจะต้องมีวัตถุดิบต่างๆอาทิเปลือกสับปะรดกากน้ำตาลกล้วยน้ำว้าลูกยอฟ้าทะลายโจรนำผสมกับดักน้ำตาลประมาณอีก 30 กิโลและหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่อใช้ในการปรับระดับน้ำให้ปลอดโรคนั่นเอง

ซึ่งถ้าหากใครสนใจก็ติดต่อไปศึกษาหรือเราไปเที่ยวกันได้ที่ Facebook ซันเซ็ทฟาร์มหอยหวาน ซันเซ็ทฟาร์มหอยหวาน หรือติดต่อไปยังเว็บไซต์ http://www.sunsetseashellfarm.com หรือโทรเข้าไปที่เบอร์โทร 086 906 6907 และ 094 941 9951

โดยนี่อาจเป็นแนวทางในการสร้างอาชีพแต่บอกเลยว่าเราควรจะเรียนรู้ให้ดีและมีข้อมูลให้แน่นแฟ้นก่อนที่จะประกอบเพราะว่าไม่ว่าจะเลี้ยงอะไรหรือจะเริ่มต้นทำอะไรหรือปลูกอะไรก็ต้องหาข้อมูลเพราะท่านหากไม่มีข้อมูลแล้วเราอาจจะต้องพบกับปัญหาต่างๆนั่นเอง

ที่มา https://hunsa.siamtodaynews.com/1459

ภูมิปัญญาชาวบ้าน เพิ่มมูลค่า จากไผ่ธรรมดา ให้เป็นไผ่สี่เหลี่ยม ทำเองได้ง่าย ๆ

ต้นไผ่ถือเป็นผลผลิตทางการเกษตรอย่างหนึ่งที่มีชาวเกษตรกรอย่างมากมายนิยมถือกันซึ่งไผ่สี่เหลี่ยมญี่ปุ่นนั้นก็ถือว่าเป็นอีกฝ่ายหนึ่งที่สามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลายอย่างโดยไผ่ญี่ปุ่นแท้มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์เป็นต้นไม้ยืนต้นและมีเนื้อไม้แข็งขนาดของเกาะแก้วจะไม่ใหญ่มากและกว้างเกินไปซึ่งสูงได้ถึงประมาณ 15 เมตรและมีครอบครองภายในกลวงและมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณอยู่ที่ประมาณ 1.5 หรือ 2 นิ้ว มีขนาดกล่องเป็นสี่เหลี่ยมอย่างชัดเจนถ้าหากได้สัมผัสแต่ถ้าหากมองด้วยตาก็ยังมองเห็นคำคมอยู่ซึ่งบอกไปว่าเป็นลักษณะที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก

โดยภายตอนนี้เป็นไพ่ใบเดียวออกเรียงกันเป็นลูกพ่อปลายเรียวแหลมโค้งมนขอบใบสั่งแหลมคมเหมือนกับใบไผ่ทั่วๆไปแต่ก็จะมีความหนาและสีเขียวที่สุดกว่าและเวลาแตกกอก็จะมีใบดกระให้ร่มรื่นดีมากโดยเฉพาะในฤดูหนาวนั้นเวลามีลมเข้ามาปะทะก็จะได้เสียงพลิ้วไหวของไผ่ทำให้รู้สึกว่ามีบรรยากาศธรรมชาติดีเป็นอย่างมากซึ่งส่วนใหญ่ไผ่สี่เหลี่ยมญี่ปุ่นนั้นมาจะมีขายตามตลาดนัดไม้ดอกทั่วไปค่ะและไผ่สี่เหลี่ยมนี้มีด้วยกันอยู่ 2 สายพันธุ์ค่ะ

ซึ่ง 2 สายพันธุ์นี้จะมีความนิยมและขายแพร่หลายอยู่ในประเทศไทยเป็นสายพันธุ์ที่นำเข้าจากจีนแล้วก็ไผ่สี่เหลี่ยมญี่ปุ่นนั่นเองซึ่งจะมีการพบว่าวางขายอยู่ตามตลาดนัดเป็นดอกไม้ประดับในสวนจตุจักรแต่ก็ยังไม่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเพราะว่าลักษณะเหมือนไผ่จีนและทำให้คนได้เข้าใจว่าเป็นพันธุ์จากประเทศจีนทั้งทั้งที่จริงแล้วเป็นพันมาจากประเทศญี่ปุ่นซึ่งจะมีลักษณะคล้ายๆกับไผ่สี่เหลี่ยมของประเทศจีนแต่แตกต่างกันในเรื่องของประโยชน์ใช้สอยนั่นเองเพราะว่าภาษาจีนและญี่ปุ่นนั้นสามารถสร้างร่มเงาให้กับบริเวณด้านบ้านได้อีกทั้งยังเอารำไพนั้นไปใช้ประโยชน์ในทางธุรกิจได้อีกด้วยค่ะ

และไผ่ญี่ปุ่นนั้นจะมีลักษณะสี่เหลี่ยมสารอย่างชัดเจนขนาดของรำไพไม่ใหญ่โตจนเกินไปซึ่งสามารถเอามาได้ร่วมระหว่างขายได้รับความนิยมอย่างมากอีกทั้งยังสวยงามและทนทานอีกด้วยซึ่งจะแตกต่างจากสายพันธุ์ของจีนเพราะว่าเขาจะนิยมมาปลูกไว้ตามบริเวณบ้านลำต้นไผ่มีขนาดเล็กใบหยกสามารถให้ความร่มรื่นได้เหมือนกันและจะไม่สามารถใช้สอยได้เท่ากับไผ่เสียงญี่ปุ่นค่ะ

วันนี้ทางทีมงานก็จะพาทุกคนนั้นเป็นธรรมวิธีทำไผ่สี่เหลี่ยมกันแบบง่ายๆซึ่งจะทำอย่างไรบ้างนะลองตามกันมาดูเลย

อุปกรณ์
1.แผ่นไม้
2.ตะปูและลวด

วิธีทำ

ขั้นตอนที่ 1 นำเอาแผ่นไม้มาประกอบการรับตอกยึดด้วยตะปูและการนำลวดมาพันรอบๆเพื่อความแข็งแรงเพื่อทำเป็นบล็อกเล็กๆสั้นๆตรงโคนหน่อและเมื่อไผ่โตขึ้นก็จะเป็นบล็อกตามที่เราทำเอาไว้

ขั้นตอนที่ 2 ซึ่งวิธีใช้ไม้บล็อกแบบนี้อย่าบังคับต้นไผ่ได้กับทุกสายพันธุ์

ขั้นตอนที่ 3และจะเห็นได้ว่าเมื่อไข่โตขึ้นนั้นก็จะไปกลายเป็นสี่เหลี่ยมอย่างที่เห็น

และประโยชน์ของมันนั้นก็สามารถทำได้หลากหลายรูปแบบและราคาขึ้นอยู่กับการที่เราวางบล็อกเอาไว้ซึ่งสามารถเอามาพัฒนาแปรรูปเป็นแก้วน้ำหรือทำเป็นที่เขี่ยบุหรี่หรือจะเป็นชามเล็กๆเอาไว้ใส่น้ำจิ้มใส่อาหารก็ได้ค่ะหรือจะนำไปเป็นถ้วยไอติมทำเป็นกระปุกออมสินก็ได้แต่ความคิดความต้องการของแต่ละคนที่จะนำภัยมาแปรรูปกัน

และนี่ก็คือคนไทยในการแปรรูปจากภายนั่นเองค่ะซึ่งบอกเลยว่าปลาชนิดนี้สามารถแปรรูปได้หลากหลากหลายและสามารถทำลูกซองได้อย่างตามที่เราต้องการซึ่งก็น่าจะอยู่ขึ้นอยู่กับบล็อกที่เราทำนะคะและในชนิดนี้สามารถอยู่ได้นานและมีความคงทนอย่างแน่นอนค่ะและนี่ก็ถือเป็นบทความดีดีที่เรานำมาเสนอกันในวันนี้ซึ่งหากไรเขียนว่าดีก็อย่าลืมกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ